วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558

นิทานเรื่อง "ฝนประหลาด", 25 ธันวาคม 2558, กินเปลี่ยนโลก, แผนงานขับเคลื่อนความมั่นคงทางอาหารเพื่อสังคม, ห้องสมุดลูกข่าง


"ฝนประหลาด"
เรื่องและภาพ : ห้องสมุดลูกข่าง
สนับสนุนโดย : แผนงานขับเคลื่อนความมั่นคงทางอาหารเพื่อสังคม


กุ๊บกั๊บเป็นม้าจอมโก๊ะ อาศัยอยู่ในหมู่บ้านม้า
ทุกวัน กุ๊บกั๊บจะตื่นแต่เช้าตรู่ ช่วยแม่ม้าเก็บผักจากแปลงผักหน้าบ้าน

กุ๊บกั๊บชอบกินผักและผลไม้ เขาชอบเคี้ยวผักผลไม้กรอบๆ อย่างเอร็ดอร่อย
และชมว่าพ่อกับแม่ปลูกผักเก่งเหลือเกิน

กุ๊บกั๊บเฝ้าดูผักในแปลงรอบบ้านของเขา ค่อยๆ โตขึ้น 
ม้าอื่นๆ ในหมู่บ้าน ก็มีแปลงผักรอบบ้านของพวกเขาเช่นเดียวกัน


กุ๊บกั๊บมีเพื่อนสนิทชื่อว่าปาดป้าย
ทุกปีเมื่อถึงฤดูร้อน กุ๊บกั๊บจะชวนปาดป้ายไปวาดรูปฟักทองผลโตในแปลงผักด้วยกัน

วันนี้ กุ๊บกั๊บวาดรูปผลฟักทองแสนสวยน่ากินพลางคิดว่า
“จะลงสีรูปฟักทองให้สวยได้ยังไงดีนะ”

ปาดป้ายวาดรูปผลฟักทองเสร็จแล้ว จากนั้นก็คิดต่อไปว่า
“วาดเถาฟักทองกับผีเสื้อด้วยดีกว่า”


ในฤดูฝน ต้นไม้และผักในสวนจะงอกงามเป็นพิเศษ ชูใบสีเขียวและออกดอกออกผลสีสดใส
แม่ของกุ๊บกั๊บชอบปรุงอาหารชนิดต่างๆ อาหารของแม่ช่างหอมกรุ่นน่ากินเสียจริงๆ

วันนี้กุ๊บกั๊บได้ช่วยแม่ทำอาหารด้วย กุ๊บกั๊บหั่นฟักทองเป็นชิ้นๆ เสียงดังฉับๆๆๆ



ปีแล้วปีเล่า ที่ชาวม้าในหมู่บ้านได้ปลูกผักผลไม้ 
แล้วก็เก็บผักผลไม้ไปทำอาหารกินกันอย่างมีความสุข 

จนกระทั่งเมื่อฤดูฝนปีหนึ่งมาถึง ขณะที่กุ๊บกั๊บกำลังวาดรูประบายสีอยู่ในบ้าน 
ก็ได้ยินเสียงฝนตกลงมา และเมื่อกุ๊บกั๊บมองผ่านหน้าต่างออกไป 
เขาก็ต้องประหลาดใจที่เห็นผักผลไม้สีสันสดใสจำนวนมากมาย 
กำลังตกลงมาเป็นฝนประหลาด

กุ๊บกั๊บกับพ่อแม่จึงรีบเปิดประตูออกไปดู แล้วก็ได้พบว่าฝนผักผลไม้นี้ 
ตกกระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ทำให้มีผักผลไม้เนืองนองสุดลูกหูลูกตา

ขณะนั้นม้าทุกตัวในบ้านทุกหลัง ก็พากันเปิดประตูออกมาดูฝนประหลาดเช่นเดียวกัน
ชาวม้าต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “โอ้โห ฝนผัก ฝนผลไม้ น่ากินจัง”


หลังจากวันนั้น ฝนผัก ฝนผลไม้ ก็ตกเรื่อยมา
ชาวม้าดีใจมาก ต่างเก็บผักผลไม้เหล่านั้นมาทำอาหาร

พ่อแม่ของกุ๊บกั๊บคุยกันว่า “ต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องปลูกผักกินเองอีกแล้ว
ถ้าวันไหนฝนตก เราก็แค่เดินออกไปเก็บผักใส่ตะกร้า แล้วนำมาทำอาหารได้ตามสบาย
แถมผักผลไม้พวกนี้ยังคงความสดอยู่ได้นาน ไม่เน่าเสียง่ายๆ อีกด้วย”

ครอบครัวม้าปาดป้ายและครอบครัวม้าอื่นๆ ก็พูดแบบนี้เช่นกัน
ชาวม้ามีความสุขมาก และคิดว่าช่างเป็นฝนที่ดีเสียจริงๆ


เวลาผ่านมานานหลายเดือน จนวันหนึ่ง กุ๊บกั๊บตื่นนอนและรู้สึกว่ามองเห็นอะไรได้ไม่ชัด
เมื่อจะเดินออกจากห้องนอน เขาก็ต้องคลำทางออกมา
และที่สำคัญก็คือ เขารู้สึกเหมือนพื้นบ้านจะเอียงซะด้วย

กุ๊บกั๊บสะดุดขาโต๊ะ หัวชนประตู เซไปชนผ้าม่านหลุดมาคลุมหัว
แล้วยังเตะจานใส่ผลส้มหกกระจาย เมื่อแม่เดินออกมาเห็นกุ๊บกั๊บก็ตกใจ

เพราะว่าตอนนี้ แม่เองก็มองเห็นอะไรไม่ค่อยชัดเช่นกัน 
แม่จึงจำกุ๊บกั๊บตอนที่มีผ้าคลุมไม่ได้
“กุ๊บกั๊บอยู่ไหน” แม่เรียก “แม่ๆ หนูอยู่นี่ๆ” กุ๊บกั๊บตอบ

และในวันนั้นเอง ที่กุ๊บกั๊บได้รู้ว่า ชาวม้าในหมู่บ้าน
ต่างก็ล้มป่วยด้วยอาการคล้ายกันนี้แทบทั้งหมู่บ้าน โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะอะไร


มีม้าป่วยมากขึ้นทุกวัน บนถนนก็มีแต่ม้าที่พากันเดินเซๆ 
มีม้าที่เดินชนนั่นชนนี่เพราะมองอะไรไม่ชัดเจนเหมือนก่อน

ในที่สุด ชาวม้าก็คิดสงสัยว่าสาเหตุที่พวกเขาป่วยกันมาก 
น่าจะเป็นเพราะอาหารที่มากับฝนประหลาดนั่นแน่ๆ
ชาวม้าจึงได้เชิญคุณหมอมาช่วยตรวจดูสารพิษในผักผลไม้
และช่วยรักษาอาการป่วยให้กับม้าในหมู่บ้าน

เมื่อคุณหมอเข้ามาตรวจดู ชาวม้าก็ได้รู้ว่าฝนผัก 
ฝนผลไม้ที่แสนอร่อยเหล่านั้น มีสารพิษที่เป็นอันตรายปนอยู่มากมายจริงๆ ด้วย


ถึงตอนนี้ ชาวม้าส่วนใหญ่จึงกลับมาปลูกผักผลไม้กินเองเหมือนอย่างเดิม
และไม่กล้ากินผักผลไม้จากฝนประหลาดอีกเลย

เมื่อฝนประหลาดหยุดตก 
ชาวม้าก็จะช่วยกันเก็บกวาดและคัดแยกผักผลไม้ออกจากแปลงผักที่พวกเขาปลูกเอาไว้
แต่ทุกวัน ก็ยังคงมีฝนประหลาดตกลงมา ทำให้ผักผลไม้สูงท่วม
จนชาวม้าต้องช่วยกันขนไปทิ้งให้เป็นที่เป็นทาง

ชาวม้าเหนื่อยล้ากันมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหยุดฝนประหลาดนั้นได้อย่างไร
และยังคงมีชาวม้าบางส่วน 
ที่เคยชินกับการรอผักผลไม้ให้ตกลงมาเอง จึงไม่ยอมลงมือปลูกอะไรเลย

พ่อแม่ของกุ๊บกั๊บมักปรึกษากันว่า

จะทำอย่างไรให้ชาวม้าที่เหลือ หันมาปลูกผักผลไม้กันทั้งหมู่บ้าน
ทุกครอบครัวจะได้มีร่างกายแข็งแรง


วันหนึ่ง ขณะที่ชาวม้ากำลังช่วยกันขนผักผลไม้ที่เป็นอันตรายจากฝนประหลาดไปทิ้ง
ก็เห็นกุ๊บกั๊บและเพื่อน กำลังวาดรูปผักผลไม้กันอยู่

ทำให้ชาวม้านึกขึ้นมาได้ว่า เด็กๆ มีความสุขกับการวาดรูปผักผลไม้ในแปลง
เฝ้ามองต้นไม้เติบโต และรูปภาพของเด็กๆ 
ก็น่าจะทำให้ชาวม้ากลับมาสนใจผักผลไม้ในแปลงของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง



วันนี้เป็นวันสำคัญ เพราะชาวม้าได้ช่วยกันทำความสะอาดครั้งใหญ่
โดยเก็บผักผลไม้ที่อันตรายออกจากชุมชนได้หมด

หลังจากนั้นพวกเขาก็จัดงานเลี้ยง โดยนำผักและผลไม้ที่เก็บมาจากสวนของตัวเองมาทำอาหาร

กุ๊บกั๊บกับเพื่อนๆ ช่วยผู้ใหญ่ทำงาน พวกเขาล้างผัก หั่นผัก และช่วยปรุงอาหาร

ในระหว่างที่กินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยนั้นชาวม้าก็พูดคุยกันว่า

เราควรกินผักผลไม้ที่มั่นใจในแหล่งที่มาว่าปลอดภัยเท่านั้น ถ้าปลูกเองได้ก็จะดีมาก

ถึงตอนนี้ ชาวม้าก็เริ่มเดินตัวตรงและมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้นแล้ว

เพราะได้กินอาหารที่ดีมีประโยชน์อย่างต่อเนื่อง


แล้ววันหนึ่งในฤดูหนาว ญาติของกุ๊บกั๊บจากในเมืองใหญ่ ได้เดินทางมาเยี่ยมครอบครัวกุ๊บกั๊บ

ขณะที่กุ๊บกั๊บช่วยพ่อแม่เตรียมอาหารอยู่ในครัว
และให้ญาตินอนพัักผ่อนตามสบายอยู่ริมหน้าต่างนั้น
ฝนผัก ฝนผลไม้ ก็เริ่มตกลงมาเหมือนวันก่อน
ญาติม้าตื่นเต้นและประหลาดใจมาก เขารีบวิ่งออกไปเก็บผักผลไม้เข้ามาจนเต็มถาด
เมื่อถึงเวลาอาหารมื้อเย็น บนโต๊ะก็มีผักผลไม้ตั้งอยู่เต็มทั้งสองถาด 

ตอนที่ทุกคนมาถึงโต๊ะอาหาร ญาติม้าก็พูดขึ้นด้วยความภูมิใจว่า
“ผลไม้ในถาดสีน้ำ้ตาลนี่ ฉันออกไปเก็บมาจากฝนประหลาดกับมือเลยนะ ดูสิ สวยน่ากินจริงๆ”

แต่ถาดผลไม้ทั้งสองก็มีสีน้ำ้ตาลเหมือนกัน ม้ากุ๊บกั๊บกับพ่อแม่รู้สึกสับสนมาก

ว่าพวกเขาจะกินอาหารที่ปลูกเองได้จากถาดไหน
และคิดว่าเขาจะบอกญาติให้รู้เรื่องอันตรายจากฝนประหลาดได้อย่างไร



"คำแนะนำเพิ่มเติม"

- เมื่ออ่านนิทานจบแล้ว ลองชวนกันต่อยอดความรู้ความคิดให้กับเด็กๆ ด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆเช่น


-การชี้ชวนให้เด็กตอบคำถามหลังอ่านนิทานจบ โดยเชื่อมโยงเรื่องราวในนิทานเข้ากับประสบการณ์ เช่น ถ้าเด็กๆ เป็นม้ากุ๊บกั๊บจะกินอาหารจากถาดไหน และจะบอกญาติให้รู้เรื่องอันตรายจากฝนประหลาดได้อย่างไร เด็กๆ เคยปลูกผักอะไรบ้าง มีวิธีดูแลรักษาผักผลไม้ที่ปลูกอย่างไร



- พูดคุยว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าผักผลไม้ที่เราซื้อมามีความปลอดภัยจากสารเคมี และจะหลีกเลี่ยงสารเคมีได้อย่างไร รวมทั้งชวนกันค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งอาหารที่ปลอดภั



- ชวนกันวาดภาพผักผลไม้ที่เด็กๆ เคยรู้จักหรือเคยเห็น จะวาดลงบนกระดาษ ต่อเติมเป็นรูปแผนที่ชุมชนที่มีผักผลไม้งอกงามอยู่มากมายก็ทำให้เด็กๆ สนุกสนาน เต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจ



- การเล่นทายชื่อผักผลไม้ โดยประดิษฐ์การ์ดหรือหาหนังสือเกี่ยวกับชื่อผักผลไม้ เปิดให้เห็นเฉพาะภาพในตอนที่ทาย แล้วจึงเฉลยชื่อผักผลไม้และสรรพคุณ อาจเล่นทายเป็นรายคนเป็นกลุ่ม หรือแบ่งเป็นทีมก็สนุก



- การแต่งเพลงและร้องเพลง หรือเขียนบทกวีเกี่ยวกับผักผลไม้ ความสุขหรือความประทับใจในสวนผัก


- นอกจากนี้ อาจจะชวนกันปลูกผักสวนครัวสักแปลงหรือไม้ผลสักต้น ก็เป็นการต่อยอดความรู้ที่เป็นรูปธรรม และน่าตื่นเต้นไม่น้อยเลย

- รูปแบบกิจกรรมนั้นมีหลากหลาย เมื่อเด็กๆ ได้คิดสร้างสรรค์และได้ลงมือปฏิบัติ ก็จะทำให้เด็กๆ เกิดความประทับใจ จดจำ และนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นธรรมชาติ

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ครั้งที่ 15, โครงการพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับคนทุกวัยในชุมชนท่าอิฐล่าง โดย โรงพยาบาลอุตรดิตถ์, 8 พฤศจิกายน 2558, ห้องสมุดลูกข่าง

วันนี้ช่วงแรกก็ร้อยลูกปัดตามที่เรานัดหมายกันไว้ 
จากนั้นเล่นทายกันสนุกมาก ตอนแรกก็ทายชื่อผักพื้นบ้านจากการ์ดก่อน 
หมดแล้วทายชื่อขนมไทย แล้วก็หาอะไรมาทายต่อ แล้วน้องก็เอาการ์ดผักพื้นบ้านมาทายซ้ำเพื่อทบทวนอีกรอบนึง จนต้องนัดกันว่าเดือนหน้าจะหาหนังสืออะไรเอ่ยไปทายกันน่ะ

เกมวงผู้ใหญ่ก็สนุกมาก เล่นเกมเอาเท้าคีบลูกแก้ว แข่งกัน 2 ทีม เดี๋ยวว่างๆ เราเล่นบ้างดีกว่า
ช่วงบ่ายก่อนกลับบ้าน เด็กๆ ยังได้อ่านนิทานและอ่านบทกวีให้ผู้ใหญ่ฟังด้วย

พี่นุ๊กทำตาครึ่งวงกลมเลียนแบบลูกสิงโต เหมือนมาก555